The letter.
รออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว คำสั่งสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากปากคนที่ฉันรักสุดใจ ไม่มี . ไม่มีอีกแล้วสินะคำๆนี้แต่ช่างเถอะถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรออยู่เสมอ
ผู้เข้าชมรวม
271
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“รออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว” คำสั่งสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากปากคนที่ฉันรักสุดใจ ไม่มี …. ไม่มีอีกแล้วสินะคำๆนี้แต่ช่างเถอะถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรออยู่เสมอ
ค่ำคืนที่จันทราดับแสง เมฆสีเทาปกคลุมกลบแสงดาวที่เคยสว่างในเดือนแรม แลดูท้องฟ้ายามคืนนี้ดูมืดมน ประเหมาะกับลมที่พัดเอื่อยๆ ชวนวิเวิกวังเวงยิ่งนัก หญิงสาวนั่งรอชายคนรักด้วยความหวังที่จะได้พบเขาอีกครั้ง คืนแล้วคืนเล่าก็ไม่มีวี่แววที่เขาจะมาหาเธอ แล้วคืนนี้ก็เช่นกันเขาคงไม่กลับมาหาเธอในโลกใบนี้อีกแล้ว
“แพรพี่ไปก่อนนะ พี่เรียนจบแล้วพี่จะรีบกลับมา” พัฒนา หนุ่มวัยทะนงกล่าวลาแฟนสาวก่อนจะมุ่งเข้ากรุงเทพฯเพื่อศึกษาต่อ ต้นลั่นทมริทน้ำยังเป็นที่ที่ทั้งสองเคยมาพลอดรักคลอเคลียกันบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันทุกครั้งต้นลั่นทมดอกสีขาวร่วงหล่นพอๆกับน้ำตาแห่งความอาลัยที่พรั่งพรูอาบใบหน้านวลของหญิงสาว
“พี่พัดไปอยู่ทางพระนครตั้งใจเรียนอย่าเถลไถลอย่ามีใครนะจ๊ะ แล้วเขียนจดหมายมาหาแพรบ้าง แพรจะรอนะจ๊ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มซึ่งขัดกับน้ำตาที่อาบใบหน้า
“จ้า พี่สัญญาจะไม่มีคนอื่น เรือมาแล้ว พี่ต้องไปแล้วนะเดี๋ยวพี่เขียนจดหมายมาหาแพรบ่อยๆนะ…..รออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวคำอาลัยครั้งสุดท้าย มือปาดน้ำตาบนใบหน้าหญิงสาวก่อนจะหันหลังลงเรือมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่บางปู สมุทรปราการ และบุกเข้าประเทศไทยทางบกที่อรัญประเทศ กองทัพญี่ปุ่นสามารถขึ้นบกได้โดยมีการต่อสู้ต้านทานอย่างหนักของทหารไทยประชาชนทั่วไปและอาสาสมัครที่เป็นเยาวชนที่เรียกว่า ยุวชนทหาร
‘แพรยอดรัก พี่คิดถึงแพรเหลือเกิน เวลานี้บ้านเมืองเราถูกพวกญี่ปุ่นรุกราน มันขึ้นบกมาที่ปากน้ำนี่เอง พี่เป็นคนไทยคนหนึ่งพี่ไม่ยอมให้ญี่ปุ่นรุกรานหรอกนะ แพรรู้ไหมตอนนี้พี่อยู่ที่ชุมพร พี่และบรรดาเพื่อนพี่เข้ากลุ่มยุวชนทหาร พี่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชาวไทยทุกคน แพรไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกนะ ดูแลตัวเองดีๆ ยังดีนะที่วาสุกีของเราญี่ปุ่นมันยังเข้าไม่ถึง พี่เลยเบาใจขึ้นหน่อย ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่จะรีบกลับหลังจากทุกอย่างจบเรียบร้อยแล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันนะ พี่รักแพรเสมอนะ’
แพรอ่านจดหมายของคนรัก ด้วยความตื่นเต้น แม้จะเป็นห่วงแค่ไหนแต่เธอเองก็อดภูมิใจในความกล้าหาญและรักแผ่นดินของชายอันเป็นที่รักเสียไม่ได้
‘พี่พัดที่รัก ข่าวที่ญี่ปุ่นบุกไทยแพรฟังจากวิทยุแล้ว แพรเป็นห่วงพี่เหลือเกินเห็นข่าวว่ามีการรบกันในกลุ่มคนไทยกับทหารญี่ปุ่นด้วย พี่ระวังตัวด้วยนะ น้องเป็นห่วงพี่เหลือเกิน ทางนี้ยังปลอดภัยเสมอ ขอพี่จงทำหน้าที่พี่ให้สำเร็จโดยไวแล้วรีบกลับมาหาน้องนะคะ’
ไม่เคยมีสักครั้งที่จดหมายที่พัฒนาจะไม่ได้รับการตอบกลับจากคนรัก จดหมายฉบับเล็กๆเป็นเสมือนน้ำทิพย์ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้เขาต่อสู้ต่อ
การรบที่สะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพร กล่าวคือ กลุ่มยุวชนทหารและกองกำลังผสมทหารตำรวจซึ่งกำลังจะต่อสู้ปะทะกันอยู่ที่สะพานท่านางสังข์ โดยที่กลุ่มยุวชนทหารนั้นมีผู้บังคับการคือร้อยเอกถวิล นิยมเสน ในระหว่างการสู้รบร้อยเอกถวิลนำกำลังยุวชนทหารออกมาปะทะกองทหารญี่ปุ่น แม้ร้อยเอกถวิลจะถูกทหารญี่ปุ่นยิงเสียชีวิต แต่ยุวชนทหารยังคงสู้ต่อไปจนกระทั่งรัฐบาลไทยพ่ายแพ้ต่อกองทัพญี่ปุ่น เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2485
‘แพรจอมขวัญของพี่ เวลานี้พวกเราแพ้มันแล้ว ถึงมันจะยกย่องเช่นไรพี่ก็หาความยินดีมิได้ พี่จะเร่งกลับพระนครเข้ากลุ่มขบวนการเสรีไทย เราต้องขับไล่พวกมันออกจากแผ่นดินเราให้ได้ แพรไม่ต้องเป็นห่วงพี่ยังสบายดีอยู่ คิดถึงแพรมากนะ ’
ทุกครั้งที่ได้ฟังข่าวคราวต่างๆทางวิทยุ แพรก็อดห่วงคนรักเสียทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเรื่องกลุ่มยุวชนทหารพ่ายแก่ทหารญี่ปุ่นเธอก็ไม่อาจจะข่มตาหลับได้ จดหมายจากคนรักจึงเสมือนกับยาวิเศษที่ช่วยให้เธอคลายกังวลต่างๆได้เป็นอย่างดี
พัฒนา ซึ่งได้รับหน้าที่ให้แอบลอบเข้าไปลอบสังหารแม่ทัพญี่ปุ่นภายในค่ายแต่กับพลาดพลั้งถูกจับได้ จึงถูกนำมาทรมานสืบสวน อยู่เป็นเวลาเดือนเศษก่อนที่จะทนพิษบาดแผลไม่ไหลเสียชีวิตลง
ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2485 สถานการณ์โดยทั่วไปในพระนครนั้น ประชาชนได้รับคำสั่งให้ทำการ พรางไฟ คือการใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าขาวม้าปิดบังแสงไฟในบ้าน ให้เหลือเพียงแสงสลัว ๆ เพื่อป้องกันมิให้เครื่องบินของฝ่ายข้าศึกมาทิ้งระเบิดลงได้ ส่วนสถานการณ์โดยรวมของสงคราม ฝ่ายอักษะมีทีท่าว่าจะได้รับชัยชนะในสมรภูมิยุโรปและแอฟริกาตอนเหนือ ส่วนในเอเชียญี่ปุ่นก็สามารถยึดมลายูและสิงคโปร์ได้แล้วจนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2485 ถึง 2488 ไทยประกาศสงครามอย่างเต็มตัวกับฝ่ายอักษะ ทางสหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ส่งเครื่องบิน บี 24, บี 29 และ (Vickers Windsor) เพื่อสนับสนุนฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของญี่ปุ่น ทั้งพระนครและธนบุรี
‘แพร เวลานี้เสรีไทยกำลังระดมทิ้งระเบิดใส่พวกญี่ปุ่น อเมริกาเขาสนับสนุนเราเป็นอย่างดี พี่ว่าไม่นานเราน่าจะชนะ แพรไม่ต้องห่วงพี่นะ รักแพรเสมอ’
จดหมายจากพัฒนาฉบับแล้วฉบับเล่าก็ยังคงส่งถึงแพรอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง14 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 ในแปซิฟิก-เอเชีย ยุติลงอย่างเป็นทางการ (หากนับตามเวลาในญี่ปุ่นจะเป็นวันที่ 15) โดย พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโต (Emperor Hirohito) แห่งญี่ปุ่นทรงประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรผ่านทางวิทยุกระจายเสียงทั่วญี่ปุ่น (นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกว่าพันปีที่คนญี่ปุ่นได้ยินเสียงจักรพรรดิของตน) ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกเมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคมที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ส่งผลให้ฝ่ายญี่ปุ่นเสียชีวิตกว่าสองล้านคน บ้านเมืองเสียหายยับเยิน พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโตทรงเรียกร้องให้คณะรัฐบาลญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อรักษาชาติพันธุ์ญี่ปุ่น ให้ยอมรับ “ข้อตกลงพอตสดัม” (Potsdam Declairation) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ มาโมรุ ชิเกะมึทซึ กับ นายพล โยชิจิโร คุเมซุ ลงนามในสัญญาสงบศึก (Japanese Instrument of Surrender) กับ นายพล แมคอาเธอร์ ท่ามกลางสักขีพยานจากประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรอื่น ๆ บนดาดฟ้าเรือประจัญบาน มิสซูรี (USS Missouri) เหนืออ่าวโตเกียวในวันที่ 2 กันยายน 2488 ซึ่งได้มีการเผยแพร่ไปทั่วโลกด้วย
‘แพรเวลานี้เราชนะแล้วนะ พี่จะกลับไปหาแพรโดยเร็ววัน รอพี่อยู่ที่เดิมนะแพร ’
โทรเลขจากกรุงเทพฯถูกส่งมาสู่อยุธยาโดยเร็ววัน เมื่อหญิงสาวทราบเรื่องเธอก็ได้จัดเตรียมตกแต่งเรือนที่เคยอยู่ด้วยกันให้งดงาม ดอกไม้บานสพั่งส่งกลิ่นหอมทั่วทั้งบริเวณ อาหารขนมถูกจัดบรรจุอย่างสวยสด พร้อมกับนวลเนื้อที่ตกแต่งด้วยอาภรณ์ที่สดใสแลดูงามสมวัย โดยรวมแล้วทุกสิ่งอย่างพร้อมสรรพเธอจึงมารอคนรักที่ท่าน้ำดั่งเช่นเดิม
เรือจากกรุงเทพผ่านหน้าเธอไปหลายต่อหลายลำก็ไม่มีวีแววที่จะจอดที่ท่าน้ำบ้านเธอเสียที จนกระทั่งตะวันที่เคยส่องแสงหมดแสง ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม เรือจากพระนครลำสุดท้ายของรอบอาทิตย์ก็มาจอดเทียบหน้าบ้านเธอ
ชายหนุ่มร่างสูงเวลานี้ซูบผอมและขาวซีดขึ้นมาจากเรืออย่างเร็วรี่ พร้อมกับมุ่งตรงเข้าหาคนรักอย่างคิดถึง ทั้งสองโผเข้ากอดกัน ความคิดถึงความห่วงหาที่มีให้กันมาเวลานานทำให้ทั้งสองกอดกันเป็นเวลาเนิ่นนาน
“คิดถึง คิดถึงพี่ที่สุด แพรรอพี่มานานเหลือเกิน พี่ผอมลงเยอะเลย ขึ้นเรือนเถอะ แพรทำอาหารคาวหวานรอพี่ป่านฉะนี้จะเย็นเสียหมดกระมั้ง” หญิงสาวเอ่ยชวนชายหนุ่มขึ้นเรือน ทั้งคู่เดินจูงมือกันเข้าเรือนที่เคยอยู่ นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“เจ้าพัดเอ๊ย นังแพรมันตายไปนานแล้วเอ็งอยู่กับผีนะ รู้ตัวไหม?” คนระแวงบ้านใกล้เรียบเคียงบอกชายหนุ่ม
“เป็นไปไม่ได้หรอกยาย แพรจะตายได้ไง ในเมื่อผมยังกอดเธอได้อยู่เลย แล้วตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่พระนครแพรยังเขียนจดหมายคุยกับผมอยู่เลย” พัฒนาเถียงกลับอย่างไม่ลดละ
“ไม่เชื่อก็เรื่องของเอ็งข้าเตือนได้แค่นี้” ว่าแล้วผู้ที่ส่งข่าวก็หายเข้าบ้านของตนไป ปล่อยให้พัฒนาหงุดหงิดกับเรื่องราวที่ได้ยินมา
“นพ กลับจากพระนครแต่เมื่อไรนี่ ? พี่พัดก็กลับมาแล้วด้วยนะเจอกันรึยัง ” แพรเอ่ยถามชายหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านที่เพิ่งกลับจากกรุงเทพฯ
“พี่แพร ล้อเล่นเปล่านี่ พี่พัดตายแล้วจะกลับมาได้ไง” ชายหนุ่มคัดค้านอย่างแรง
“นพพี่ไม่ได้ล้อเล่นเรานั่นแหละที่ล้อเล่น นี่พี่เขาเพิ่งออกไปข้างนอกเอง เรามีหลักฐานอะไรมาว่าว่าพี่พัดเขาตายเล่า?” หญิงสาวไม่ลดละ ยังคงหาหลักฐานจากตัวชายตรงไหน
“จริงๆครับ ผมเราศพพี่เขาเองกับมือเลย นี่กระดูกกับรูปพอเป็นหลักฐานได้ไหมครับ” นพยื่นโถอัฐถิพร้อมรูปให้แพร หญิงสาวรับมาพร้อมกับน้ำตาที่อาบใบหน้าแล้วเดินขึ้นเรือนไปด้วยท่าทางเศร้าหมอง
พัฒนาเดินเข้ามาในบ้านก็พบกระดูกและรูปของตนตั้งอยู่บนโต๊ะ
“แพร…..รู้เรื่องทั้งหมดแล้วหรือ?” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง
“ใช่ค่ะ แพรรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว พี่พัดตายแล้ว …..” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
“แพรพี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่กลัวว่าแพรจะกลัวพี่และพี่ก็อยากอยู่กับแพร ”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างหม่นหมอง
“ค่ะ แพรจะอยู่กับพี่ เราจะอยู่ด้วยกันนะคะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ผีกับคนจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?” พัฒนาถามขึ้นอย่างฉงน
“ได้สิคะ ผีก็ต้องอยู่กับผีได้สิคะ” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำตา
“งั้นเรื่องที่เขาลือๆก็เป็นเรื่องจริงสินะ”
“ค่ะ แพรตายแล้ว ตายตั้งแต่วันที่พี่ลงเรือไปพระนคร แพรเกิดเป็นลมและเซตกท่าน้ำ”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็อยู่ด้วยกันได้สินะ พี่รักแพรมากๆนะ” ชายกล่าวอย่างลิงโลดพร้อมกับดึงคนรักมากอดอย่างมีความสุข
ผลงานอื่นๆ ของ มธุรจน์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มธุรจน์
ความคิดเห็น